จากสภาพเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยปี 2567 ที่มีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนของภาครัฐที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจ เช่น ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง Technology Disruption สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกมิติจากปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน อากาศร้อนรุนแรง ที่จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคของประชาชน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าท่ามกลางความเสี่ยงจากความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของสภาพเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท แต่ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทจากทุกส่วนงาน ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และวิธีการบริหารจัดการให้สอดรับกับสถานการณ์ในช่วงต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของปี 2567 ในแต่ละธุรกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยผลการดำเนินงาน ในภาพรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 มีดังนี้
รายได้จากการดำเนินงาน 13,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,571 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 2,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,119 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 71 ด้วยศักยภาพขององค์กร และการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มบริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์การค้า และธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีผลประกอบการที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายเนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ
ส่วนฐานะการเงินของกลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ มีสินทรัพย์รวม 62,783 ล้านบาท หนี้สินรวม 38,763 ล้านบาท โดยหนี้สินรวมดังกล่าวประกอบด้วย หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 21,503 ล้านบาท และหนี้สินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย 17,260 ล้านบาท และ มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 24,020 ล้านบาท
กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ทั้ง 8 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจการประมูล และศูนย์สนับสนุนองค์กร ได้มีการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีความท้าทาย พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่จากพฤติกรรมผู้บริโภคและสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกธุรกิจ อาทิเช่น
ธุรกิจศูนย์การค้า โดยศูนย์การค้าในกลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ได้มีการปรับตัวขยายฐานรายได้และกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยศูนย์การค้า MBK Center ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สร้างความประทับใจสูงสุดอย่างต่อเนื่องและเป็นจุดหมายปลายทางต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้ปัจจุบัน มีจำนวนผู้ใช้บริการที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยที่เติบโตสูงขึ้นกว่าช่วงก่อน COVID-19 อีกทั้งยังได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ได้รับรางวัล Tripadvisor Travelers’ Choice Awards ในประเภทกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว “Things to do in Bangkok” และ ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งได้มีการปรับปรุงพื้นที่ใหม่ ด้วยการเชื่อมโยงบริการด้านสุขภาพ สร้างเป็นศูนย์รวม Health and Wellness ให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งรักษา บำบัด ส่งเสริม และป้องกัน แบบครบวงจร ตอบโจทย์และเติมเต็มให้ลูกค้าทุกกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ อีกทั้งมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยสนับสนุนในการดำเนินธุรกิจ การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความทันสมัย รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรม ทางการตลาดต่างๆ และสร้างฐานลูกค้าผ่านระบบ MBK Plus Application เพื่อสอดรับกับความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าที่หลากหลาย
ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มาท่องเที่ยวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส, โรงแรม ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท, โรงแรม ลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา และ โรงแรม ทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึงร้อยละ 80 โดยในปี 2567 โรงแรมในกลุ่มได้รับการยอมรับด้านคุณภาพการให้บริการที่ดี และ ได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ อาทิ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ได้รับรางวัล Best Premium City Hotel in Asia , โรงแรม ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท ได้รับรางวัล Best Luxury Family Resort in Asia และ โรงแรม ลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้รับรางวัล Best Luxury Beach Hotel in South East Asia เป็นต้น
ธุรกิจกอล์ฟ มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในส่วน สนามกอล์ฟ ล็อค ปาล์ม กอล์ฟ คลับ สนามกอล์ฟ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดภูเก็ต สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดปทุมธานี ทั้งนี้ สนามกอล์ฟของบริษัทได้รับเกียรติ เพื่อจัดการแข่งขันระดับสากล เช่น สนามกอล์ฟ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดภูเก็ต ได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน ADT All Thailand Partnership Trophy, สนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดปทุมธานี ได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Bangkok Open และ สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดปทุมธานี ได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Thailand Open อีกทั้ง สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ ยังได้รับรางวัล ชนะเลิศ The Silver Flag ด้านการให้บริการที่เป็นเลิศในปี 2567 จากงาน 59 Club Asia Service Excellence Awards
ธุรกิจการเงิน ทั้งในส่วนธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด และ ธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท เอ็ม บี เค การันตี จำกัด มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นที่คุณภาพของสินเชื่อทั้งในส่วนของการคัดเลือกลูกหนี้ และหลักประกันที่มีคุณภาพ
ทั้งนี้กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียและผลกระทบต่อห่วงโซ่ธุรกิจ และการนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของบริษัท มาสร้างคุณค่าให้แก่องค์กรและสังคมอย่างมีจิตสำนึกไปพร้อมกัน ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การลดการปล่อยของเสีย การลดการใช้ทรัพยากร การประหยัดพลังงาน รวมทั้งการใช้พลังงานทางเลือกทดแทน ในการช่วยลดและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ ทำให้ ในปี 2567 บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 71 บริษัทที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 2024 ในระดับ “A” โดยมีรายละเอียด เปิดเผยในแบบ 56-1 One Report ฉบับนี้และรายงานความยั่งยืนของบริษัท
ในนามของคณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสีย ทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้บริหารและพนักงาน ที่ให้ความไว้วางใจ และมีส่วนช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ด้วยดีมาตลอด ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค เชื่อมั่นว่าความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจรวมทั้งสร้างโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายนั้น ทำให้องค์กรมีการเติบโตสู่เป้าหมายอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอยู่บนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสีย และสังคมไทย
นายบันเทิง ตันติวิท
ประธานกรรมการบริษัท
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์
ประธานกรรมการบริหาร
นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ