MBK Group

TH EN
ร่วมงานกับเรา  หน้าแรก

สารจากคณะกรรมการบริษัท

 

จากสภาพเศรษฐกิจปี 2566 ที่ปัจจัยขับเคลื่อนทางเศษฐกิจเริ่มทำให้ธุรกิจต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ เริ่มมีแนวโน้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มมีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมและของระดับโลกยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนด้านพลังงาน อัตราเงินเฟ้อ ข้อกำหนดกฎหมายที่มีมาตรการควบคุมในการดำเนินธุรกิจมากขึ้นTechnology Disruption ภาวะความขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ปาเลสไตน์ และภัยธรรมชาติต่างๆ ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท แต่ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทจากทุกส่วนงาน ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และวิธีการบริหารจัดการให้สอดรับกับสถานการณ์ในช่วงต่างๆ ตามกระแสการเปลี่ยนแปลง และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ จากสภาวะที่ท้าทายนั้น ทำให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมของบริษัทฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยผลการดำเนินงาน ในภาพรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 มีดังนี้

รายได้จากการดำเนินงาน 12,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,648 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28 และกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,235 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 372% เนื่องจาก สถานการณ์ของโรคระบาด COVID-19 ได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มบริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว และธุรกิจกอล์ฟ นอกจากนี้ บริษัทได้มีการทยอยซื้อเงินลงทุนเพิ่มในบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) จนมีสัดส่วนการถือหุ้นเข้าเกณฑ์ของการเป็นบริษัทร่วมเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 และรับรู้ผลประกอบการในรูปของส่วนแบ่งกำไรตามวิธีส่วนได้เสีย (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ถึงวันที่ 31 ธันวาค 2566) เป็นจำนวน 922 ล้านบาท (สุทธิจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 738 ล้านบาท) การลงทุนในหุ้น TCAP ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการเติบโตและฐานะทางการเงินที่มั่นคง ส่งผลให้กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ได้รับผลตอบแทนที่ดีและช่วยส่งเสริมให้ผลประกอบการมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

ส่วนฐานะการเงินของกลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ มีสินทรัพย์รวม 60,471 ล้านบาท หนี้สินรวม 38,087 ล้านบาท โดยหนี้สินรวมดังกล่าวประกอบด้วย หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย 20,737 ล้านบาท และหนี้สินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย 17,350 ล้านบาท และ มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 22,384 ล้านบาท

กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ทั้ง 8 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจการประมูล และศูนย์สนับสนุนองค์กร ได้มีการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีความท้าทาย พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่จากพฤติกรรมผู้บริโภคและสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกธุรกิจ อาทิเช่น

ธุรกิจศูนย์การค้า โดยศูนย์การค้าในกลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค รวมทั้งธุรกิจกลุ่ม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (SPW) (ในฐานะบริษัทร่วม) ได้มีการปรับตัวขยายฐานรายได้และกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ได้มีการปรับปรุงพื้นที่เช่าและพื้นที่ส่วนกลางให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยมีการปรับโฉมในหลายมิติและเพิ่มความหลากหลายของร้านค้าและสินค้าที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ใช้บริการที่เป็นชาวต่างชาติกลับมาใช้บริการมากขึ้น โดยศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้มีการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยสนับสนุนในการดำเนินธุรกิจ การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความทันสมัย รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรม ทางการตลาดต่างๆ และสร้างฐานลูกค้าผ่านระบบ MBK Plus Application เพื่อสอดรับกับความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าที่หลากหลาย และศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ได้เปิดพื้นที่ให้บริการ เช่น ศูนย์กลางการให้บริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งรักษา บำบัด ส่งเสริม และป้องกัน แบบครบวงจร

ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เริ่มเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โรงแรม ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท และโรงแรม ลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 80% นอกจากนี้ได้เปิดให้บริการโรงแรมแห่งใหม่ ได้แก่ โรงแรม ทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร เพื่อเป็นการขยายธุรกิจและขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

ธุรกิจกอล์ฟ มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในส่วน สนามกอล์ฟ ล็อค ปาล์ม กอล์ฟ คลับ สนามกอล์ฟ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดภูเก็ต สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ ที่จังหวัดปทุมธานี ทั้งนี้ สนามกอล์ฟของบริษัทได้รับเกียรติ เพื่อจัดการแข่งขันระดับสากล เช่น ในปี 2566 สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ และสนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ ได้รับเกียรติให้ใช้เป็นสนามแข่งขันกอล์ฟรายการ Thailand Open 2023 และในปี 2567 สนามกอล์ฟ เรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ ได้รับเกียรติให้ใช้เป็นสนามแข่งขันกอล์ฟรายการ “Asian Development Tour” ในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้

ทั้งนี้ ในปี 2566 ธุรกิจสนามกอล์ฟ โดยบริษัท เอ็ม บี เค รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ได้บริจาคที่ดิน 36 ไร่ มูลค่า 460 ล้านบาท ให้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน ทั้งนี้การที่บริษัทได้มีส่วนช่วยยกระดับสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้นรวมทั้งเป็นการยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและผลักดันภูเก็ตให้เป็นเมืองสุขภาพโลกและเป็นการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป ซึ่งการมีส่วนช่วยดูแลสังคมดังกล่าวเป็นแนวทางที่บริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่จะต้องเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสังคมชุมชน

ธุรกิจการเงินในส่วนธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด (TLS) นั้น ยังคงต้องบริหารจัดการภายใต้ความท้าทายทั้งในสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและประกาศมาตรการควบคุมเพดานดอกเบี้ยของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดย TLS มีการสร้างโอกาสจากความท้าทายดังกล่าวและ มีแผนพัฒนาสินเชื่อในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อขยายธุรกิจ รวมทั้งพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีและการบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต

กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียและผลกระทบต่อห่วงโซ่ธุรกิจ และการนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของบริษัท มาสร้างคุณค่าให้แก่องค์กรและสังคมอย่างมีจิตสำนึกไปพร้อมกัน ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การลดการปล่อยของเสีย การลดการใช้ทรัพยากร การประหยัดพลังงาน รวมทั้งการใช้พลังงานทางเลือกทดแทน ในการช่วยลดและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ โดยมีรายละเอียด เปิดเผยในแบบ 56-1 One Report ฉบับนี้และรายงานความยั่งยืนของบริษัท

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสีย ทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้บริหารและพนักงาน ที่ให้ความไว้วางใจ และมีส่วนช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค ด้วยดีมาตลอด ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท เอ็ม บี เค เชื่อมั่นว่าองค์กรจะมีการเติบโตสู่เป้าหมายอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอยู่บนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสีย และสังคมไทย

 

นายบันเทิง ตันติวิท
ประธานกรรมการบริษัท

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์
ประธานกรรมการบริหาร

นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ